ความหมาย ของ ฮีเยโรนีมึส โบส

"นักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ในป่า" (Saint John the Baptist in the wilderness)

ในศตวรรษต้น ๆ หลังจากโบสเสียชีวิตไปแล้ว มักจะเชื่อกันว่างานจิตรกรรมของโบสได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะนอกศาสนาคริสต์ในยุคกลางหรือประเพณีท้องถิ่นที่ลึกลับต่าง ๆ แต่บางคนก็เชื่อว่าเป็นงานเขียนที่สร้างขึ้นเพียงที่จะยั่วอารมณ์ของผู้ดูหรือเพื่อความชวนหัวคล้ายกับลักษณะศิลปะที่เรียกว่า "ศิลปะแบบอัปลักษณ์" (Grotesque) ของศิลปะเรอแนซ็องส์แบบอิตาลี ขณะที่ศิลปะของจิตรกรผู้มีฝีมือคนอื่น ๆ ในสมัยนั้นยังวาดภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เห็นรอบตัว โบสมักจะวาดภาพจากจินตนาการเช่นที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะวอลเตอร์ กิบสันกล่าวว่าเป็นงานเขียนที่แสดงให้เห็นถึง "โลกของความฝัน (และ) ความฝันร้ายในรูปที่แทบจะกระโดดโลดเต้นออกมาได้ต่อหน้าต่อตาผู้ชม" คำบรรยายแรกที่เกี่ยวกับงานของโบสในปี ค.ศ. 1560 ของเฟลิเป เด เกบารา (Felipe de Guevara) ชาวสเปนกล่าวถึงโบสว่าเป็น "ผู้สร้างสัตว์ประหลาดและคิเมียรา" เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 นักประวัติศาสตร์ศิลปะชาวดัตช์กาเริล ฟัน มันเดอร์ (Karel van Mander) บรรยายงานของโบสว่าประกอบด้วย "wondrous and strange fantasies" แต่ก็สรุปว่าภาพเขียนมักจะไม่ชวนดูและดูแล้วน่าขยะแขยง[6]

ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักวิชาการเห็นว่าภาพของโบสไม่ได้เป็นภาพอัศจรรย์บรรเจิดอย่างมากมายอย่างที่เคยเชื่อกันแต่เป็นงานที่แสดงให้เห็นความเชื่อทางศาสนาที่เป็นแบบออร์ทอด็อกซ์ของสมัยนั้น โบสวาดภาพความบาปของมนุษย์ และ ภาพสวรรค์และนรกที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคำบรรยายทางวรรณกรรมและคำเทศนาในสมัยปลายยุคกลาง นักเขียนหลายคนให้ความสำคัญต่องานของโบสมากกว่าที่เคยเป็นมาและพยายามตีความหมายงานจากมุมมองของจริยธรรมของยุคกลาง นอกจากนั้นก็เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่างานของโบสสร้างขึ้นเพื่อสอนศีลธรรมเช่นงานเขียนอื่น ๆ ของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนเหนือในสมัยนั้นเช่นของกวีรอเบิร์ต เฮนริสัน (Robert Henryson) และรายละเอียดแต่ละอย่างภายในภาพเป็นรายละเอียดที่โบสจงใจเขียน ดีร์ก บักซ์กล่าวว่าภาพเขียนของโบสเป็นงานจักษุศิลป์ที่ถอดความหมายมาจากคัมภีร์ไบเบิลและตำนานพื้นบ้านของสมัยนั้น[7]

แต่นักเขียนบางคนกล่าวว่าโบสเป็นผู้ริเริ่มการเขียนแบบเหนือจริงของยุคกลางและมักจะเปรียบเทียบกับงานของซัลบาดอร์ ดาลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักเขียนบางคนพยายามตีความหมายของภาพโดยใช้ทฤษฎีจิตวิทยาของซีคมุนท์ ฟร็อยท์ แต่ทฤษฎีนี้ไม่เป็นที่ยอมรับกัน กิบสันกล่าวว่า "สิ่งที่เราเรียกกันว่า libido ก็คือสิ่งเดียวกับที่สถาบันศาสนาในยุคกลางประณามที่เรียกว่าปฐมบาป และสิ่งที่เราเรียกว่าจิตใต้สำนึกก็คือสิ่งที่สมัยกลางใช้เรียกพระเจ้าและสิ่งชั่วร้าย"[8]

โบสเไม่เคยลงวันที่บนภาพเขียนและอาจจะลงชื่อเป็นบางภาพเท่านั้น ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญต้องพิจารณาว่าเป็นภาพเขียนของโบสจริงหรือไม่ แต่ในปี ๆ ที่ผ่านมานักวิชาการอ้างว่าเป็นงานของโบสน้อยลงจนปัจจุบันก็มีเพียง 25 ภาพเท่านั้นที่นักวิชาการเชื่อว่าแน่นอนเป็นงานของโบส พระเจ้าเฟลิเปที่ 2 แห่งสเปน ทรงซื้อภาพเขียนของโบสหลายภาพหลังจากที่จิตรกรเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทำให้พิพิธภัณฑ์ปราโดที่มาดริดกลายเป็นเจ้าของภาพเขียนหลายภาพของโบส รวมทั้งภาพ "สวนสำราญ" ด้วย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฮีเยโรนีมึส โบส http://athena.english.vt.edu/~baugh/bosch/boschmai... http://www.aiwaz.net/gallery/bosch-hieronymus/gc85 http://www.all-art.org/early_renaissance/bosch01bi... http://www.boschuniverse.org//index.cfm? http://www.ibiblio.org/wm/paint/auth/bosch/ https://web.archive.org/web/20070206113439/http://... https://web.archive.org/web/20070219102705/http://... https://web.archive.org/web/20071016230058/http://... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Hieron...